วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

ข้อควรรู้ที่สำคัญ 2

          จากประสบการณ์ตรงอีกเช่นเคย  จีจี้อยู่ดีดีก็แทะขาตัวเอง  ด้วยอาจจะเพราะความหงุดหงิดหรือเหงาหรืออะไรก็ไม่ทราบ  วันนั้นช่วงเช้าผมตื่นมาเห็นที่ขาของจีจี้พันด้วยผ้าพันแผล  เป็นลูกใหญ่  และชุ่มไปด้วยเลือด  จากการสอบถามคนที่บ้านเล่าให้ฟังว่าภาพแรกที่เห็น  จีจี้ขาพันติดอยู่กับของเล่นในกรงที่เป็นเชือกทักเส้นใหญ่ๆ  มีการหลุดลุ่ยจากที่จีจี้แทะมันเอง  จึงพยายามตัดเชือกนั้นออกมา  แต่ก็พบว่าจีจี้ได้แทะนิ้วเท้าและเล็บเท้าของตัวเองเข้าไปจนถึงกระดูก ขาดออก จนเนื้อหลุดรุ่ย
          ผมก็ไม่รีรอ  รีบพาจีจี้ไปหาสัตว์แพทย์ใกล้บ้าน  ปรากฎว่าจีจี้ต้องตัดเนื้อที่เสียออกและทำแผล  แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น  เพราะจีจี้ยังคอยแทะผ้าพันแผลที่เป็นสิ่งแปลกปลอม  จนกระทั่งไปถึงนิ้วเท้าอีก  จึงต้องมีการนำเครื่องป้องกันมาติด  ที่เค้าเรียกว่าคอลี่  อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเรียกถูกไม๊  แต่เคยเห็นมันใช้กับสุนัข  ตามแบบในรูปเลยนะครับ 





          
          จึงอยากฝากเตือนผู้เลี้ยง  ว่าให้ระวังเรื่องของเล่นของนกที่อาจจะเกิดอันตรายกับมันได้  และรวมไปถึงสภาวะอารมณ์ของเค้าด้วย  เพราะหลังจากที่หาทางออกไม่ได้ผมจึงต้องพาจีจี้ไปพบโรงพยาบาลสัตว์ที่เกษตร  จึงได้รู้ถึงอุปนิสัยแปลกๆที่จะเกิดกับนก  เวลาที่เค้าเหงาหรือรู้สึกเครียด  อย่างเช่นเรื่อง  แทะหางตัวเอง  หรือแทะขาตัวเอง  ปรกอบกับว่า  เค้าจะสามารถเห็นสีแดงได้ชัดมากกว่าสีอื่น  นั่นก็หมายความว่า  เวลาที่แทะอะไรไปจนเลือดออกก็จะยิ่งแทะไม่หยุดนั่นเอง

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ข้อควรรู้ที่สำคัญ 1

          จากประสบการณ์ตรงในการเลี้ยงนกกระตั้ว  เกิดเหตุการณ์ที่เกือบจะไม่ได้เลี้ยงต่อ  นั่นคือนกกระตั้วที่บ้านผม  กระเพาะมันรั่ว-ซึม  มันเป็นยังไง??  เดี๋ยวลองอ่านดูนะครับ
        
          บทความนี้จะไม่มีรูปภาพนะครับ  เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากและวุ่นวายมากๆด้วย  ผมเลยไม่มีสติพอที่จะบันทึกภาพเก็บไว้  เรื่องมันมีอยู่ว่า  ช่วงสองเดือนแรกของการเลี้ยงดูนั้น  ที่บ้านผมก็ป้อนอาหารให้นกปกติ  โดยมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันว่าใครว่าช่วงไหน  ยังไง  จำได้ว่าช่วงนั้น  เราป้อนกันถึง 3 มื้อและยังป้อนในปริมาณที่เยอะมากด้วย  เพราะนกมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ทีดีในการกิน  เราก็เลยให้กิน  แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ประเด็นทั้งหมด  มันยังเกี่ยวกับอนุภูมิของอาหารด้วย  ที่ผมย้ำเตือนกันหนักหนา  ในบทความก่อนก็เพราะเหตุนี้นั่นเอง

          ก่อนที่จะมารู้ว่าต้องทำยังไง  ผมเกือบทำนกที่ทั้งอยากเลี้ยงและยังซื้อมาในราคาแพง  ตายไปแล้ว คือตอนแรกที่รู้ก็เริ่มจาก  ตรงช่วงหน้าอกของนก  ขนของมันข่อนข้างเปียกหมาดพอสมควร  และบ่อยมาก  สีออกเหลืองๆครีม  เอากระดาษ  เอาผ้าไปเช็ด  สักพักก็เป็นเหมือนเดิม  และเหมือนจะหิวโหยกับอาหารมากกว่าปกติ  เราจึงเริ่มค้นหาคำตอบกัน  จนกระทั่งเปิดขนตรงหน้าอกขึ้นดู  ซึ่งมารู้ภายหลังว่า  ด้นล่างของหน้าอกนั้น  คือกระเพาะอาหารของนกนั่นเอง  และตอนนั้นมันก็มีอาหารไหลซึมออกมา  ที่บ้านตกใจกันมาก  รีบพาไปโรงพยาบาลสัตว์ ตรงแยกเกษตร  จึงได้ความว่า ...

          กระเพาะอาหารมันเปือย  เหตุเพราะอุณหภูมิของอาหารที่ป้อนประกอบกับปริมาณของอาหารที่ป้อนเข้าไป มันเยอะเกินไป  ทำให้ใช้เวลาย่อยนาน  ทำให้อาหารที่มีอุณหภูมิสูงนั้นอยู่ในกระเพาะนานด้วย  จึกเกิดการเปื่อยนั่นเอง  ทำให้ต้องตัดส่วนที่เปื่อยออก  ทำให้นกตัวที่ผมเลี้ยงอยู่นี้  มีกระเพาะเล็กกว่านกตัวอื่นในสายพันธ์เดียวกัน  นั่นก็ย่อมทำให้นกผมโตน้อยลง  กว่านกตัวอื่นเช่นกัน  ทั้งที่นกของผมก็เลี้ยงมา 2ปีแล้วขนาดที่น่าจะเป็นไปได้ควรมีขนาดใหญ่กว่าตอนนี้   ... บทความนี้จึงนำมาเตือนท่านที่ยังไม่ทราบเรื่องนี้  แล้วจะนำมาเลี้ยง  หรือที่เลี้ยงอยู่แล้วก็ตาม